การหลอกลวงทางโทรศัพท์วิธีหนึ่งที่นิยมโดยกลุ่มมิจฉาชีพคือการใช้กลอุบายหลอกลวง โดยกลุ่มมิจฉาชีพจะแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคารหรือเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานราชการต่างๆ ติดต่อท่านเพื่อขอให้ทำธุรกรรมทางการเงินต่างๆ โดยใช้กลอุบายหลอกลวงให้หลงเชื่อว่าท่านเป็นหนี้บัตรเครดิตหรือมีเงินภาษีคืน และขอให้ท่านเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวหรือข้อมูลทางการเงิน รวมถึง การขอให้ท่านทำรายการโอนเงินผ่านเครื่องเอทีเอ็มหรืออินเตอร์เน็ตแบงกิ้งให้แก่บุคคลดังกล่าว นอกจากนี้ มิจฉาชีพอาจแอบอ้างติดต่อท่านในนามธนาคาร โดยกำหนดให้หมายเลขบัญชีและรหัสโฟน (Phone Code) หรือหมายเลขอื่นๆ ของธนาคาร ปลากฎเป็นเบอร์ที่ติดต่อเข้าไปยังโทรศัพท์เคลื่อนที่ของท่าน เพื่อหลอกท่านให้หลงเชื่อว่าเป็นการติดต่อจากธนาคาร ดังนั้นหากได้รับการติดต่อในลักษณะดังกล่าว ขอให้อย่าหลงเชื่อ โดยโปรดติดต่อเจ้าหน้าที่ธนาคาร ที่เบอร์หลักของธนาคารหรือหน่วยงานนั้นๆ ก่อนดำเนินการทำธุรกรรมใดๆ หรือหากได้หลงเชื่อและโอนเงินให้กลุ่มมิจฉาชีพแล้ว ก็ไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและติดต่อธนาคาร และหากท่านได้เปิดเผยข้อมูลส่วนตัวหรือข้อมูลทางการเงินไปแล้ว เช่น รหัสส่วนตัว ท่านต้องติดต่อเจ้าหน้าที่ธนาคารเพื่อขอยกเลิกการใช้บัตรนั้น โดยปกติองค์กรส่วนใหญ่หรือธนาคารจะไม่มีนโยบายติดต่อเพื่อสอบถามข้อมูลส่วนตัว หรือติดต่อท่านโดยใช้เสียงจากระบบอัตโนมัติ หรือให้ท่านทำธุรกรรมการเงินต่างๆ ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยควรเปลี่ยนรหัสส่วนตัวเป็นระยะๆ และอัพเดทโปรแกรมต่อต้านไวรัสบนมือถือที่ใช้งาน อีกเทคนิคหนึ่งที่กลุ่มมิจฉาชีพใช้ในการหลอกลวงคือการส่งข้อความ โดยมีกลุ่มมิจฉาชีพส่ง SMS, MMS หรืออีเมลหลอกลวง หรือจัดทำหน้าจอ (pop-up) โดยแอบอ้างว่าเป็นธนาคาร ให้ผู้รับกรอกข้อมูลส่วนตัว ดาวน์โหลด หรือติดตั้งโปรแกรมลงบนโทรศัพท์มือถือ สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต หรือคอมพิวเตอร์ ซึ่งโปรแกรมดังกล่าวมีมัลแวร์ ไวรัสหรือโทรจันที่สามารถขโมยรหัสประจำตัว รหัสลับส่วนตัว และรหัสผ่านครั้งเดียว (OTP) ที่ส่งทาง SMS เพื่อใช้ลักลอบเข้าทำธุรกรรมโอนเงินออกจากบัญชีของท่านผ่านบริการธนาคารทางอินเทอร์เน็ต […]